พ่อขุนรามคำเเหง 1 "สร้างบ้านเเปงเมือง"




----------------------------------------------------------------------

     ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดเเห่งชาติ
 
     ชื่อผู้เเต่ง สละ นาคบำรุง. ชื่อ พ่อขุนรามคำเเหง 1 "สร้างบ้านเเปงเมือง" สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
     สำนักพิมพ์ อมรินทร์คอมมิกส์. 2552. 143 หน้า

-------------------------------------------------------------------------

    ประมาณ พ.ศ.1822 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพ่อขุนบานเมือง พ่อขุนรามคำเเหงได้เสด็จขึ้นครองราชย์ ปกครองกรุงสุโขทัย
    คนไทยได้รับรู้ถึงพระอัจริยภาพของพ่อขุนรามคำเเหง มาตั้งเเต่ครั้งยังเยาว์ ความสำเร็จในการปกครองสุโขทัยขิงพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เเละพ่อขุนบานเมืองนั้น ส่วนหนึ่งมาจากพระปรีชาสามารถของพ่อขุนรามคำเเหง
   
   รัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นยุคที่กรุงสุโขทัยเฟื่องฟูและเจริญขึ้นกว่าเดิมเป็นอันมาก ระบบการปกครองภายในก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยอย่างมีประสิทธิภาพ มีการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ประชาชนอยู่ดีกินดี สภาพบ้านเมืองก้าวหน้าทั้งทางเกษตร การชลประทาน การอุตสาหกรรม และการศาสนา อาณาเขตของกรุงสุโขทัยได้ขยายออกไปกว้างใหญ่ไพศาล
    เมื่อพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทรงขจัดอิทธิพลของเขมรออกไปจากกรุงสุโขทัยได้ในปลายพุทธศตวรรษที่ 18 การปกครองของกษัตริย์สุโขทัยได้ใช้ระบบปิตุราชาธิปไตยหรือ "พ่อปกครองลูก" ดังข้อความในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงว่า คำพูด"....เมื่อชั่วพ่อกู กูบำเรอแก่พ่อกู กูได้ตัวเนื้อตัวปลา กูเอามาแก่พ่อกู กูได้หมากส้มหมากหวาน อันใดกินอร่อยดี กูเอามาแก่พ่อกู กูไปตีหนังวังช้างได้ กูเอามาแก่พ่อกู กูไปท่อบ้านท่อเมือง ได้ช้างได้งวง ได้ปั่วได้นาง ได้เงือนได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู.."
    โปรดให้สร้างทำนบกักน้ำที่เรียกว่า “สรีดภงส์” เพื่อนำน้ำไปใช้ในตัวเมืองสุโขทัยและบริเวณใกล้เคียง โดยอาศัยแนวคันดินที่เรียกว่า “เขื่อนพระร่วง” ทำให้มีน้ำสำหรับใช้ในการเพาะปลูกและอุปโภคบริโภคในยาม ที่บ้านเมืองขาดแคลนน้ำ
ทรงส่งเสริมการค้าขายอย่างเสรีภายในราชอาณาจักรด้วยการไม่เก็บภาษีผ่านด่านหรือ “จกอบ” (จังกอบ) จากบรรดาพ่อค้าที่เข้ามาค้าขายในกรุงสุโขทัย ดังคำจารึกบนศิลาจารึกว่า "เจ้าเมือง บ่เอาจกอบในไพร่ลู่ทาง" นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่ปรากฏว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงส่งเสริมให้ชาวสุโขทัยนิยมการค้าขายนั้น ปรากฏตามศิลาจารึกตอนหนึ่งว่า "เพื่อนจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจะใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงือนค้าทองค้า" อันเป็นการแสดงให้เห็นว่า ทรงเปิดเสรีทุกประการในการค้าขายทำให้การค้าขายขยายออกไปอย่างกว้างขวางจนปรากฏแหล่งการค้าสำคัญในสุโขทัยได้แก่ "ตลาดปสาน" จากศิลาจารึกกล่าวว่า "เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัย มีตลาดปสาน"
ในด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับมหาอำนาจอย่าง "จีน" โดยนอกจากการเพิ่มพูนสัมพันธไมตรีตามปกติแล้ว ยังโปรดให้นำช่างจากชาวจีนมาเพื่อก่อตั้งโรงงานตั้งเตาทำถ้วยชามทั้งเพื่อใช้ในประเทศ และสามารถส่งออกไปยังประเทศใกล้เคียงได้ด้วย ถ้วยชามที่ผลิตในยุคนี้เรียกว่า "ชามสังคโลก"
สุโขทัยรัชสมัยพ่อขุนรามคำเเหงมหาราชนั้น นับว่ามีความรุ่งเรื่องอย่างสูงสุด ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการมองการณ์ไกล ความทุ่มเทเสียสละโดยถือประโยชน์ของเเผ่นดินเเละประชาชนเป็นที่ตั้ง ดังปรากฎหลักฐานให้เห็นจนถึงปัจจุบัน
 สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันสอดคล้อง 9 ข้อพ่อสอนไว้ "นิสัยเเห่งความดี" ด้านต่างๆ ดังนี้
1.ความเพียร คือ พ่อขุนรามคำเเหงได้ปกครองสุโขทัย พระองค์ทรงใช้ความเพียร อดทน เสียสละเเละไม่ย่อท้อ เพื่อให้เเผ่นดินเเละประชาชนอยู่ดีกินดี
2.ความรู้ตน คือ พ่อขุนรามคำเเหงได้ใช้หลักการปกครองเเบบ "พ่อปกครองลูก" เเละได้จัดการปกครองให้สุโขทัยมีความสงบสุข
3.ความพอดี คือ พ่อขุนรามคำเเหงได้จัดการประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ประชาชนอยู่ดีกินดี สภาพบ้านเมืองก้าวหน้าทั้งทางเกษตร การชลประทาน การอุตสาหกรรม และการศาสนา อาณาเขตของกรุงสุโขทัยได้ขยายออกไปกว้างใหญ่ไพศาล
4.พูดจริงทำจริง คือ พ่อขุนรามคำเเหงได้ใช้หลักการพ่อปกครองลูก ดูเเลชาวเมืองเเละเเผ่นดิน สมคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า "....เมื่อชั่วพ่อกู กูบำเรอแก่พ่อกู กูได้ตัวเนื้อตัวปลา กูเอามาแก่พ่อกู กูได้หมากส้มหมากหวาน อันใดกินอร่อยดี กูเอามาแก่พ่อกู กูไปตีหนังวังช้างได้ กูเอามาแก่พ่อกู กูไปท่อบ้านท่อเมือง ได้ช้างได้งวง ได้ปั่วได้นาง ได้เงือนได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู.."
5.ความซื่อสัตย์ คือ พ่อขุนรามคำเเหงได้ปกครองกรุงสุโขทัยด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยคดโกงทรัพย์สินเเผ่นดิน นำเงินมาทำสาธารณะประโยชน์ให้เเผ่นดิน
6.การเอาชนะใจตนเอง คือ พ่อขุนรามคำเเหงทรงมีพระอัจริยาภาพเเละพระปรีชาสามารถในการบริหารบ้านเมือง ทรงกล้าหาญเเละทรงกระทำเเต่สิ่งที่ดีงาม
7.หนังสือเป็นออมสิน คือ สามารถนำเรื่องราว  พระราชประวัติ ศึกษาเเละสามารถนำมาประยุกต์ใช้ดำเนินชีวิตประจำวันได้
8.อ่อนโยนเเต่ไม่อ่อนเเอ คือ พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เข้มเเข็ง เเต่เป็นคนอ่อนโยน ช่วยเหลือประชาชนในยามลำบาก
9.คนเราจะต้องรับเเละจะต้องให้ คือ พระองค์ทรงเป็นผู้ให้ ทรงช่วยเหลือชาวเมือง บรรเทาทุกข์ บำรุงสุข เพื่อให้ชาวเมืองสุโขทัยได้อยู่ดีกินดี มีความสุข...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น