------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ
ชื่อผู้แต่ง สุภฤกษ์ บุญทอง.
ชื่อ นายขนมต้ม. สถานที่พิมพ์ ปทุมธานี. สำนักพิมพ์ สกายบุ๊คส์. 2554. 135
หน้า.
------------------------------------------------------------------------
นายขนมต้ม
เป็นนักมวยคาดเชือกชาวกรุงศรีอยุธยา พ่อแม่และพี่สาวถูกฆ่าตายหมด
จึงต้องไปอยู่วัดตั้งแต่เด็ก ต่อมากรุงศรีอยุธยาเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าในครั้งที่
2 นายขนมต้มและชาวไทยหลายคนถูกพม่ากวาดต้อนเป็นเชลยศึก
นายขนมต้มมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือจากเหตุการณ์ที่ชกเอาชนะนักมวยพม่า
เมื่อพระเจ้ามังระโปรดให้ปฏิสังขรณ์และก่อเสริมพระเจดีย์ชเวดากองในเมืองย่างกุ้งเป็นการใหญ่นั้น
ครั้นงานสำเร็จลงในปี พ.ศ. 2317 พอถึงวันฤกษ์งามยามดี
คือวันที่ 17 มีนาคม จึงโปรดให้ทำพิธียกฉัตรใหญ่ขึ้นไว้บนยอดเป็นปฐมฤกษ์
แล้วได้ทรงเปิดงานมหกรรมฉลองอย่างมโหฬาร ขุนนางพม่ากราบทูลว่า
"นักมวยไทยมีฝีมือดียิ่งนัก"
พระเจ้ามังระจึงตรัสสั่งให้เอาตัวนายขนมต้ม
นักมวยดีมีฝีมือตั้งแต่ครั้งกรุงเก่ามาถวาย
พระเจ้ามังระได้ให้จัดมวยพม่าเข้ามาเปรียบกับนายขนมต้ม โดยจัดให้ชกต่อหน้าพระที่นั่ง
ปรากฏว่านายขนมต้มชกพม่าไม่ทันถึงยกก็ชนะถึงเก้าคนสิบคน
พระเจ้ามังระทอดพระเนตรยกพระหัตถ์ตบพระอุระตรัสสรรเสริญนายขนมต้มว่า “คนไทยนี้มีพิษสงรอบตัว แม้มือเปล่ายังเอาชนะคนได้ถึงเก้าคนสิบคน
นี่หากว่ามีเจ้านายดี มีความสามัคคีกัน ไม่ขัดขากันเอง และไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัว
และโคตรตระกูลแล้ว ไฉนเลยกรุงศรีอยุธยาจะเสียทีแก่ข้าศึก
ดั่งที่เห็นอยู่ทุกวันนี้”
|
หลังจากนายขนมต้มได้เอาชนะนักมวยพม่าแล้ว
พระเจ้ามังระได้ปูบำเหน็จแก่นายขนมต้มโดยแต่งตั้งเป็นข้ารับใช้ในกรุงอังวะแต่นายขนมต้มกลับปฏิเสธและขอให้พระเจ้ามังระปลดปล่อยตนและเชลยคนไทยทั้งหมดให้เป็นอิสระเพื่อกลับบ้านเกิด
พระเจ้ามังระก็ยอมทำตามความประสงค์
ในที่สุดนายขนมต้มและเหล่าเชลยคนไทยก็ได้รับอิสรภาพและกลับไปยังบ้านเกิดก็คือแผ่นดินไทยที่มีกรุงธนบุรีเป็นราชธานีโดยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีนามว่า
ตากสินมหาราช นายขนมต้มก็ได้อาศัยอยู่บ้านเกิดอย่างสงบ
คนไทยนี้มีพิษสงรอบตัว
แม้มือเปล่ายังเอาชนะคนได้ถึงเก้าคนสิบคน นี่หากว่ามีเจ้านายดี มีความสามัคคีกัน
ไม่ขัดขากันเอง และไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัว และโคตรตระกูลแล้ว
ไฉนเลยกรุงศรีอยุยาจะ
เสียทีแก่ข้าศึก ดังที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 9 คำพ่อสอน “นิสัยแห่งความดี” ดังนี้
1.ความเพียร คือ
นายขนมต้มมีความมุมานะ เพียรพยายามตั้งใจทำในสิ่งที่มุ่งหวังให้สำเร็จ
2.ความรู้ตน คือ นายขนมต้มมีความรู้และทักษะในเรื่องแม่ไม้มวยไทย ทำให้สามารถเอวตัวรอดได้ในเวลายามยาก
3.พูดจริงทำจริง คือ พันท้ายนรสิงห์เคยได้ตั้งสัตย์ด้วยความแน่วแน่ว่า จะรักชาติ รักแผ่นดินเกิด และขอยอมเสียสละเพื่อชาติ
4.ความซื่อสัตย์ คือ พันท้ายนรสิงห์เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์และรักชาติ กตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณในยามที่ไม่มีครอบครัวแล้ว
5.การเอาชนะใจตนเอง คือ
นายขนมต้มมีความรักชาติ รักแผ่นดินเกิด ยอมเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตย
ถือว่านายขนมต้มชนะใจตนเองในการรักบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง
6.หนังสือเป็นออมสินแห่งความรู้ หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกอย่างที่มนุษย์สร้างมา
ทำมา คิดมา หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นคล้ายๆกระปุกออมสิน
เป็นสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้
7.อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ คือ
นายขนมต้มเป็นผู้ที่มีความอดทน อดกลั้น การระงับอารมณ์โกรธ
และไม่ใช้กำลังในการตัดสินปัญหา
8.คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ คือ
ศิลปะแม่ไม้มวยไทยเป็นศิลปะการป้องกันตัวที่งดงามและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
นายขนมต้มถือเป็นคนต้นแบบและเป็นผู้ให้
ให้คนรุ่นหลังรู้คุณค่าและควรอนุรักษ์ศิลปะมวยไทยไว้ตราบนานเท่านาน
9.ความพอดี คือ
หากคนในชาติไร้ชาติซึ่งความพอดี ความสามัคคีกันแล้ว ย่อมเป็นภัยต่อตนเอง ฉะนั้น ต้องมีความพอดี จึงจะสามารถนำพาชีวิตให้มีความสุขได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น