พันท้ายนรสิงห์




-------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ
ชื่อผู้แต่ง สุภฤกษ์ บุญทอง  ชื่อ พันท้ายนรสิงห์.สถานที่พิมพ์ ปทุมธานี. สำนักพิมพ์ สกายบุ๊คส์. 2554. 136 หน้า.
------------------------------------------------------------------------
     
เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเจ้าเสือ เสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกชัย จะไปประพาสเพื่อทรงเบ็ด ณ ปากน้ำเมืองสาครบุรี เมื่อเรือพระที่นั่งถึงตำบลโคกขามซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยวและมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือท้ายเรือพระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน โขนเรือพระที่นั่งกระทบกับกิ่งไม้หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์จึงได้กระโดดขึ้นฝั่งแล้วกราบทูลให้ทรงลงพระอาญาตามพระกำหนดถึงสามครั้งด้วยกัน เนื่องจากในครั้งแรก สมเด็จพระเจ้าเสือพระราชทานอภัยโทษ เพราะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย ครั้งที่สองก็รับสั่งให้สร้างรูปปั้นปลอมแล้วตัดหัวรูปปั้นนั้นแทน แต่ท้ายสุดก็ได้ตรัสสั่งให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ตามคำขอ แล้วสร้างศาลไม้ขนาดเล็ก ลักษณะเป็นศาลไม้ในสมัยปัจจุบัน หลังคามุงกระเบื้องดินเผาหางมน พื้นศาลเป็นไม้ยกชั้น 2 ชั้น มีเสารองรับ 6 เสา
ภายหลังพระเจ้าเสือได้ทรงให้พระยาราชสงคราม คุมไพร่พลจำนวน 3,000 คน ทำการขุดคลองลัดคลองโคกขามที่คดเคี้ยว ไปออกที่บริเวณแม่น้ำท่าจีน กว้าง 5 วา ลึก 6 ศอก สร้างเสร็จในสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ พ.ศ. 2252 ได้พระราชทานนามคลองนี้ว่าคลองสนามไชย ต่อมาเรียกเป็นคลองมหาชัย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองมหาชัย แต่ชาวบ้านเรียกว่าคลองถ่าน ปัจจุบันชาวบ้านฝั่งธนบุรี เรียกชื่อว่า คลองด่าน


       พันท้ายนรสิงห์ถูกบันทึกลงในพระราชพงศาวดารในแง่มุมของวีรบุรุษผู้ซื่อสัตย์  จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และรักษาไว้ซึ่งกฎมณเทียรบาล แม้ในภายหลังจะมีการนำชีวประวัติของพันท้ายนรสิงห์มาดัดแปลงเพิ่มเติมเพื่อทำเป็นภาพยนตร์หรือละคร แต่ก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งแก่นแท้ของพันท้ายนรสิงห์ นั่นคือ การยึดมั่นในหน้าที่การจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์เหนือชีวิตของตนเอง

      แม้พันท้ายนรสิงห์จะได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้าแผ่นดินที่ส่าดุยิ่งกว่าเสือ แต่ด้วยหัวใจของข้าราชการชั้นผู้น้อย ที่ยึดมั่นในหน้าที่และกฎมณเทียรบาลยิ่งกว่าสิ่งใด  เขาได้ใช้หัวใจที่แน่วแน่เปิดทางให้คมดาบของเพชฌฆาตสำเร็จโทษชีวิตตนเอง เพียงเพื่อสิ่งเดียวที่เขายึดถือมาตลอดชีวิต นั่นคือความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีที่มีต่อพระเจ้าแผ่นดิน
   สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 9 คำพ่อสอน นิสัยแห่งความดี ดังนี้
1.ความเพียร คือ พันท้ายนรสิงห์มีความขยันขันแข็ง มานะอดทน เอาใจใส่ต่องานที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดี
2.ความรู้ตน คือ พันท้ายนรสิงห์รู้ตนว่าตนเองได้ทำผิดขั้นอาญา พันท้ายนรสิงห์ยอมรับโทษแม้พระเจ้าแผ่นดินให้อภัยโทษ
แต่พันท้ายนรสิงห์ไม่ยอมรับการอภัยโทษ
3.พูดจริงทำจริง คือ พันท้ายนรสิงห์เคยได้ตั้งปณิธานด้วยความแน่วแน่ว่า จะจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินด้วยหัวใจที่ยึดมั่น
4.ความซื่อสัตย์ คือ พันท้ายนรสิงห์เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน เหนือชีวิตของตนเอง ซื่อตรงต่อหน้าที่ กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
5.การเอาชนะใจตนเอง คือ พันท้ายนรสิงห์ยอมสละชีวิตของตัวเอง แม้จะได้รับการหย่อนโทษแล้วก็ตาม เพื่อคงไว้ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
6.หนังสือเป็นออมสินแห่งความรู้ หนังสือเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นคล้ายๆธนาคารความรู้เพื่อให้เราหาความรู้ ไว้ศึกษา
7.อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ คือ พันท้ายนรสิงห์มีความรักต่อครอบครัว บุตร ภรรยา แม้กระทั่งในวาระสุดท้ายก่อนถูกประหารชีวิต
8.คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ คือ พันท้ายนรสิงห์ถือเป็นบุคคลที่ควรเชิดชูให้เป็นแบบอย่างหลายประการ และเป็นต้นแบบในการซื่อสัตย์ละการจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ถือว่าเป็นผู้ให้เพื่อให้คนรุ่นหลังปฏิบัติตนให้เป็นคนดีในสังคม
9.ความพอดี คือ พันท้ายนรสิงห์มีวินัย และรักษากฎระเบียนอย่างเคร่งครัด และมีความพอดีในการดำเนินชีวิตจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น